ปุ๋ยน้ำเร่งผล FK-3 เพิ่มขนาด-น้ำหนัก สำหรับพืชออกผลทุกชนิด เอฟวัน+บัวแก้ว

฿950

โทรสั่งซื้อก็ได้ 089-459-9003 หรือแอดไลน์ไอดี PrimPB แล้วสั่งก็ได้ ชำระเงินปลายทางขณะรับสินค้าได้เหมือนกัน

ปุ๋ย FK ชุดเพิ่มผลผลิต โปแตสเซียมสูง สำหรับพืชออกผล และพืชลงหัวทุกชนิด ส่งเสริมกระบวนการเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาล เพื่อเพิ่มน้ำหนักผลผลิต ประกอบด้วยสารเพิ่มประสิทธิภาพ สูตรพิเศษ K1 ขนาด 1 กิโลกรัม และ ปุ๋ยบัวแก้ว ตรา FK ขนาด 1 กิโลกรัม รวม 1 ชุด น้ำหนัก 2 กิโลกรัม

090-592-8614

รายละเอียดเพิ่มเติม

ปุ๋ยน้ำ FK-3 ชุดเพิ่มผลผลิต

สำหรับพืชออกผลทุกชนิด

โปแตสเซียมสูง ส่งเสริมกระบวนการเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาล เพื่อเพิ่มน้ำหนัก และคุณภาพของผลผลิตพืช

หนึ่งชุดประกอบด้วย ปุ๋ยบัวแก้วตรา FK และสารเพิ่มประสิทธิภาพ K1 รวม 2 กิโลกรัม

 

คุณสมบัติของปุ๋ยทางใบ FK-ชุดเพิ่มผลผลิต

เค-วัน : มีคุณสมบัติพิเศษในการเพิ่มการดูดซึม และการแพร่กระจายของสาร สงเสริมให้ธาตุอาหารต่างๆเคลื่อนย้ายสู่ใบพืชได้อย่างรวดเร็ว

ปุ๋ยบัวแก้ว สูตร 5-10-40 เป็นอาหารพืชที่ประกอบด้วยธาตุหลัก ไนโตเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริม สูตรเข็มข้น สำหรับใช้ฉีดพ่นพืชออกผล และพืชลงหัว เพื่อเร่งการสร้างแป้ง และน้ำตาล เพิ่มความหวาน เพิ่มน้ำหนักให้กับผลผลิตพืช

วัตถุดิบคุณภาพสูง นำเข้าจากประเทศอิสราเอล

 

วิธีการใช้ปุ๋ย FK-ชุดเพิ่มผลผลิต

ผสมปุ๋ยบัวแก้ว สูตร 5-10-40 ปริมมาณ 50 กรัม + เค-วัน 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร

หรือ ผสมปุ๋ยบัวแก้ว สูตร 5-10-40 ปริมมาณ 500 กรัม + เค-วัน 500 กรัม ต่อน้ำ 200 ลิตร

พืช ช่วงการใช้
ใช้ฉีดพ่นพืช ฉีดพ่นพืชออกผล หรือลงหัว หลังจากพืชเริ่มติดผล หรือลงหัวแล้ว เพื่อเพิ่มน้ำหนัก และคุณภาพของผลผผลิต

พืชจะโตได้มากที่สุด เท่ากับธาตุอาหารที่มีต่ำที่สุด

 

Law of the Minimum (กฎต่ำสุด)

ไม่ว่าคุณจะให้ปุ๋ยมากแค่ไหน พืชก็โตได้เท่ากับ ธาตุหลัก ธาตุรอง ที่คุณไม่เคยให้กับพืชและดินเลย ธาตุอาหารที่มีอยู่น้อยที่สุด จะจำกัดการโตของพืชคุณ เป็นข้อบกพร่องเล็กๆ ที่ทำให้ดูเหมือนว่า ใส่ปุ๋ยไปมากเท่าไร ก็ยังไม่ได้ผล

ปุ๋ยตรา FK จากฟาร์มเกษตร เราตระหนักถึงเรื่อง Law of the Minimum หรือ กฎต่ำสุด จึงออกแบบปุ๋ยตรา FK ใน 1 กล่อง ให้ประกอบด้วย สองถุง ด้านใน คือ ปุ๋ยธาตุหลักหนึ่งถุง และ K1 ธาตุรอง ธาตุเสริม อีกหนึ่งถุง ที่ผ่านการคำนวณสัดส่วนเพื่อผสมใช้ไปพร้อมกันได้อย่างลงตัว เพื่อนำพาพืชของท่าน ให้เจริญเติบโต ด้วยธาตุหลัก ธาตุรองที่ครบถ้วน และไม่เคยได้ถูกเติมเต็ม จากการใช้ปุ๋ยทั่วๆไปตามท้องตลาด ทำให้พืชได้รับธาตุอาหารต่างๆมากมาย และเติมเต็มส่วนที่ขาดได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ดังรูปด่านล่าง เช่น คุณให้ปุ๋ยทั่วๆไป ที่มีธาตุหลักเพียง 3 ตัว คือ N P K และธาตุรอง ธาตุเสริมอื่นๆ มีอยู่แล้วในดินของคุณ แล้วแต่สภาพดินบริเวณนั้น ว่าโชคดี มีธาตุรอง ธาตุเสริม และ OM อยู่มากแค่ไหน ในทุกๆปี ธาตุรองธาตุเสริมเหล่านี้ โดนลดลงไปทุกรอบของการเพาะปลูก เพราะคุณเติมเฉพาะ N P K ให้กับดิน อย่างมากก็เพิ่ม แคลเซียม และ ซิลิกอน อีกสองตัว จากสารปรับสภาพดินต่างๆ ที่มีขาย แต่ธาตุรองธาตุเสริมมีมากมาย จนแทบจะจำชื่อได้ไม่หมด พืชคุณจะถูกจำกัดคุณภาพ และการเจริญเติบโต ด้วยธาตุรอง ธาตุเสริม ที่มีอยู่น้อยที่สุด เสมือนถังน้ำที่มีความสูงของไม้ประกบ ที่มีความสูงไม่เท่าแผ่นอื่นๆ อยู่เพียงแผ่นเดียว พืชคุณเสมือนน้ำในถัง จะสามารถโตอยู่ในถังน้ำ (เปรียบถังน้ำว่าเป็นดิน) ได้มากที่สุดเท่ากับไม้ประกบแผ่นที่มีความสูงน้อยที่สุด เพียงเท่านั้น

นัก วิทยาศาสตร์ที่สามารถลบล้างทฤษฎีฮิวมัสได้สำเร็จคือ จุสตุส ฟอน ลีบิก (Justus von Liebig, ค.ศ. 1803-1873) ชาวเยอรมัน ลีบิกมีความคิดว่า ปัจจัยที่ควบคุมการเจริญเติบโตของพืชคืออาหารแร่ธาตุต่าง ๆ จึงได้ตั้งทฤษฎีขึ้นมาใหม่แทนทฤษฎีฮิวมัส คือ “ Law of the minimum” ซึ่งมีใจความว่า เมื่อพืชได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นเพียงพอแล้วทุกธาตุยกเว้นธาตุหนึ่งซึ่งยัง ขาดอยู่หรือยังมีไม่เพียงพอ ธาตุนั้นจะเป็นตัวจำกัดการเจริญเติบโตของพืช ทฤษฎีของลีบิกนี้ยังได้รับความเชื่อถือมาตราบจนทุกวันนี้และเป็นที่ยอมรับ กันทั่วโลก มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพียงเล็กน้อยเท่านั้นลีบิก มีแนวคิดว่า การแนะนำการใส่ปุ๋ยให้กับพืช (Fertilizer recommendation) สามารถทำได้โดยการวิเคราะห์หาธาตุที่เป็นส่วนประกอบของพืช แล้วใส่ธาตุเหล่านั้นลงไปในดิน เขาเป็นบุคคลแรกที่คิดทำปุ๋ยเคมีขึ้น แต่ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากปุ๋ยที่เขาผสมขึ้นในครั้งนั้นเป็นสารประกอบ ที่ไม่ละลายน้ำ ผลการทดลองที่สำคัญของ ลีบิกสามารถสรุปได้ดังนี้ 1) ยืนยันว่าคาร์บอนในพืชมาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ 2) ไฮโดรเจนและออกซิเจนในพืชมาจากน้ำ 3) พืชต้องการโลหะที่เป็นด่าง (alkaline metals) เพื่อสะเทิน (nutralize) กรดที่เกิดขึ้นจากกระบวนการเมตาโบลิซึมในพืช (metabolic activities) 4) ฟอสเฟตจำเป็นสำหรับการสร้างเมล็ดของพืช 5) พืชดูดแร่ธาตุต่าง ๆ ในดินโดยไม่เลือกชนิด แล้วเลือกใช้เฉพาะธาตุที่จำเป็นเท่านั้นส่วนที่ไม่จำเป็นจะถูกขับ (excretes) ออกมาทางราก 6) พืชได้รับไนโตรเจนในรูปของแอมโมเนียมไอออน (NH4+) ทั้งจากดิน ปุ๋ยอินทรีย์ และอากาศ 7) พืชจะปลดปล่อยกรดแอซีติก (acetic acid) ออกมาทางราก จะเห็นได้ว่าข้อสรุปของลีบิกนั้นไม่ถูกต้องไปเสียทั้งหมด เช่น ข้อสรุปที่ว่ารากพืชจะปลดปล่อยกรดแอซีติกออกมาและพืชได้รับไนโตรเจนในรูปของ แอมโมเนียมไอออนทั้งจากดิน ปุ๋ยอินทรีย์และอากาศ เป็นต้น


การฉีดปุ๋ยน้ำ

เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาของ FarmKaset.ORG เองครับ จากประสบการณ์การใช้ปุ๋ยน้ำ ของลูกค้าเรา ทางเรามีความซื่อสัตย์ จริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่ปิดบังข้อมูล ถึงแม้จะเป็นประสบการณ์ที่ดี หรือไม่ดีก็ตาม
ลูกค้าที่มาจากช่องทาง เฟสบุ๊ค จะมีสัมพันธ์ที่ดี และติดต่อกับเราตลอดเวลา จึงได้มีการส่งภาพถ่าย บอกเล่าความพึงพอใจ หรือปัญหาการใช้สินค้าจาก FarmKaset.ORG ตลอดเวลา อย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ เราจึงเก็บข้อมูลการใช้ผลิตภัณฑ์จากลูกค้าได้อย่างสม่ำเสมอ

 

ฉีดพ่นปุ๋ยน้ำ ฝนฟ้า ช่วงเวลา เช้า เย็น แดดแรง แดดอ่อน ชนิดของพืช สำคัญมาก!

ลูกค้าเราจำนวนมาก ใช้ปุ๋ยน้ำแล้วเห็นผลดีมาก พืชผลโตเร็วทันใจ ได้ผลเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้ ลูกค้าบางท่าน พบว่า ฉีดปุ๋ยน้ำแล้ว เกิดปัญหาใบลวก คล้ายใบไหม้

 

ช่วงเช้ามืด ปากใบพืชเปิด ฉีดพ่น ได้ผลดี

ช่วงเช้ามืดเป็นเวลาที่ปากใบพืชเปิด หากฉีดพ่นปุ๋ยน้ำ พืชจะดูดซึมน้ำไปใช้ได้ทันที เห็นผลเร็ว

 

ช่วงสาย หรือช่วงเช้าบางวันแดดแรงมาก ฉีดแล้วใบลวก

ในฤดูร้อน หรือฤดูฝนที่แล้งกว่าปกติ แดดร้อนมาก 7:00 น. แดดก็แรง และจากนั้นแดดแรงทั้งวัน ฉีดพ่นปุ๋ยน้ำ หรือแม้แต่ฉีดพ่นน้ำเปล่าลงไป จะทำให้ใบลวก โดยเฉพาะพืชที่มีลักษณะใบบาง จะได้รับผลกระทบมาก

 

ถังฉีดและสายฉีดสำคัญมาก ต้องแยกให้เด็ดขาดกับถังยาฆ่าหญ้า

บางท่านอาจจะลืมฉุกคิดไป ว่าเราใช้ถังฉีดปุ๋ยน้ำรวมกับยาฆ่าหญ้า หรือยาปราบวัชพืช หรืออาจจะใช้วิธีล้างถังอย่างสะอาดมากๆแล้ว และนำมาฉีดปุ๋ยน้ำ แต่อาจจะลืมไล่สายฉีด และหัวฉีด ที่ยังมีน้ำยาฆ่าหญ้าผสมอยู่ แต่ทางที่ดีที่สุด ควรแยกถังกันใช้นะครับ

 

พืชที่มีใบบาง ควรผสมธาตุรองและสารจับใบให้น้อยลง

ในพืชที่มีใบไม่หน้า ตัว K1 ซึ่งประกอบด้วยธาตุรอง ธาตุเสริม และสารจับใบ ควรผสมให้น้อยลง ไม่ให้เข้มข้นจนเกินไป

มันสำปะหลัง และพืชใบหนา หรือพืชที่มีใบแข็งแรง ใช้ส่วนผสมตามที่แนะนำข้างกล่อง

คำแนะนำส่วนผสมข้างกล่อง เหมาะสำหรับพืชที่มีใบหนา อย่างมันสำปะหลัง ใช้ตามส่วนผสม ไม่ฉีดตอนที่แดดแรง จะได้ผลมาก หากผู้ใช้ทราบ หรือมีความรู้เรื่องสูตรปุ๋ยมาบ้าง จะทราบว่า FK เป็นปุ๋ยที่เข้มข้นมากเป็นพิเศษกว่าปกติ จึงไม่ควรใช้ในปริมาณเข้มข้นกว่าที่กำหนด จะทำให้ให้หลังผสมแล้ว ยังเข้มเกินไป

 

พืชที่มีลักษณะใบบาง ไม่แข็งแรง ต้องลดส่วนผสมให้อ่อนลงมา

พืชที่มีลักษณะใบบาง ปกติแล้วเราให้น้ำ หรือฉีดพ่นน้ำเปล่าๆทางใบในช่วงแดดแรง ใบก็จะลวก หรือไหม้ด้วยความร้อน เราต้องเลือกฉีดในเวลาที่มั่นใจว่าจะไม่โดนแดดแรง ส่วนผสมของปุ๋ย ต้องลดลงมาให้อ่อนกว่าปกติ ทั้งประหยัด และได้ผลดี

 

ฉีดพ่นช่วงเย็น หลังแดดร่มลมตก ก็ได้ผลดี

ถึงแม้จะไม่ดีเท่าช่วงเช้ามืด แต่ก็ได้ผลดีกว่าฉีดพ่นช่วงแดดแรงแน่นอน และไม่ต้องกังวลว่า วันนี้แดดจะแรงมากหรือไม่

ข้อมูลเพิ่มเติม

น้ำหนัก 2 กก.
ขนาด 15.5 × 10 × 21.5 เซนติเมตร

รีวิว

ยังไม่มีบทวิจารณ์

มาเป็นคนแรกที่วิจารณ์ “ปุ๋ยน้ำเร่งผล FK-3 เพิ่มขนาด-น้ำหนัก สำหรับพืชออกผลทุกชนิด เอฟวัน+บัวแก้ว”

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *