เหตุผลที่พวกเรากันเอง จนไปถึงเด็กรุ่นใหม่ วัยรุ่น และวัยเรียน มันมีคำพูดห่วยๆ และค่านิยมเลวร้าย ที่ใครไม่รู้เป็นคนก่อร่างสร้างขึ้น และต่างก็ใช้เป็นคำพูดสืบต่อกันมาจนวันนี้ คือ..
เพื่อเวลามีงานรวมตัว หรือสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนๆสนิท เพื่อนในชั้นเรียน หรือเพื่อนเก่า หากมีใครสังคนเปิดประเด็นพูดคุยเรื่องงาน เรื่องการเมืองที่กระทบต่อการทำธุรกิจของคนทั่วไป หรือเรื่องความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ที่เป็นการเป็นงาน จะมีอย่างน้อย 1 คน พูดแทรกขึ้นมาว่า วันนี้ มึงมาพบเพื่อนๆ เพื่อนเก่า เพื่อนสนิท มึงจะคุยเรื่องน่าเบื่อปวดหัวทำไมวะ มาสนุกกันดีกว่า เอ้า ชน.. หมดแก้วๆ คนส่วนมากก็แสดงอาการเห็นด้วย กลายเป็นว่า คนที่ชอบแสดงความคิด ที่เป็นการเป็นงาน หรือเป็นประโยชน์กับเพื่อน กลายเป็นคนผิด จนวันนี้ มันกลายเป็นประเภณีไปแล้ว เจอเพื่อน อย่าคุยเรื่องงานที่เป็นประโยชน์ ต้องเฮฮา ไร้สาระ ผ่อนคลาย สนุกกัน
ถ้าแปลง่ายๆคือ เพื่อนๆมาสังสรรค์กัน อย่าเอาเรื่องการงานที่จะช่วยยกระดับความคิด ยกระดับความเป็นอยู่ของเพื่อนๆ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อจะได้ต่อยอดการทำงาน ให้ชีวิตดีขึ้น อย่าเอามาพูด ไม่สนุกเลย เดี๋ยวงานกร่อย เพื่อนกันจะคุยเรื่องงานทำไม
แปลแบบนี้ถูกรึเปล่า.. ?
ทุกวันนี้ผมก็ยังงงอยู่ว่า คุยเรื่องการงานกับเพื่อน คุยให้มันสนุกไม่ได้เหรอวะ! ก็พูดคุยกันสิ “มึงทำงานอะไรอยู่วะ ตอนนี้กูทำอย่างนี้อยู่ มึงล่ะ.. มึงล่ะ.. ทำอะไร เออ มันดีมั้ย อะไรต่อยอดกันได้ ก็ลองร่วมมือกันมั้ย เพื่อจะดีขึ้นทั้งสองคน มึงเคยได้ยินเรื่องนี้มั้ย ทำกำไรดีนะ กูบอกเป็นข้อมูล เผื่อมึงสนใจ … ” แล้วมันไม่สนุกตรงไหน คุยหาช่องทางทำมาหากินกัน จบวงเหล้า ก็เผื่อได้มีอะไรแลกเปลี่ยนกันต่อ ได้แนวความคิดดีๆ ไปต่อยอด ยิ่งเป็นเพื่อนกันแต่เด็กรู้ใจกัน ก็น่าจะคุยกันได้
ทำไม..? เวลาเราคุยงาน จริงๆจังๆ ต้องคุยกับคนไม่รู้จัก แต่กับเพื่อน ดันคุยแต่เรื่องไร้สาระ ที่ไม่ช่วยพัฒนากันและกัน คิดกันแปลกๆ..