รายละเอียดเพิ่มเติม
ปุ๋ยน้ำ FK-3S สำหรับปลูกอ้อย
ปุ๋ยน้ำ เร่ง CCS และเพิ่มผลผลิต ปุ๋ยน้ำสำหรับอ้อย
ปุ๋ยน้ำ FK-3 ตัว S ย่อมาจาก Sugarcane ปุ๋ยน้ำ FK-3S ให้การบำรุงโดยตรงกับต้นอ้อย เพื่อส่งเสริมกระบวนการเคลื่อยย้ายน้ำตาล มาสะสมในลำอ้อย ทำให้อ้อยโตไว มีน้ำหนักดี ค่า CCS สูง
หมายเหตุ!
ต้องใช้ ปุ๋ยน้ำ FK-1 ในช่วงอ้อยแตกกอ ก่อนที่จะใช้ ปุ๋ยน้ำ FK-3 ในช่วงระยะอ้อยสะสมอาหาร
ปุ๋ยน้ำ FK-3S สำหรับปลูกอ้อย ใช้เร่งผลผลิตและเพิ่มค่อ CCS ตอบสนองวัตถุประสงค์แตกต่างกับปุ๋ยอื่นๆ วัตถุประสงค์ของ ปุ๋ยน้ำความเข้มข้นสูงตรา FK นั้น เป็นการฉีดพ่น เพื่อบำรุงไปยังพืชโดยตรง ไม่ได้เป็นการไปเพิ่มจุลินทรีย์ในดิน เพื่อรอสร้างธาตุอาหารทีหลัง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว กว่าจะปลดปล่อยธาตุอาหารได้ ต้องใช้เวลา 1-2 ปีเลยทีเดียวในเรื่อง microorganisms ซึ่งวิธีการฉีดพ่นเพื่อบำรุงพืชโดยตรงนี้ แน่ตอนว่า พืชจะได้รับการบำรุงในทันที ได้รับธาตุอาหารที่ครบถ้วน พืชของคุณ จึงเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ปุ๋ยน้ำ FK-3S ปุ๋ยน้ำสูตรเข้มข้นพิเศษ ใน 1 กล่อง 2 กิโลกรัม ประกอบด้วย ปุ๋ยบัวแก้ว 1 กิโลกรัม และ F1 ธาตุรองธาตุเสริม อีก 1 กิโลกรัม
คุณสมบัติ
โพแตสเซียมสูงถึง 40% และยังมีไนโตรเจน ฟอสฟอรัสที่เพียงพอต่อความต้องการของอ้อย ในกระบวนการเคลื่อนย้ายน้ำตาล และสะสมอาหาร ทำให้อ้อย โต แข็งแรง มีน้ำหนักดี CCS สูง นอกจากนั้นแล้ว ยังประกอบด้วยธาตุรอง ธาตุเสริม ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช และใช้ในการสร้างความแข็งแรง และสร้างภูมิต้านทานต่อโรคและแมลง
FK Fertilizer – กราฟประสิทธิภาพ
พิจารณากราฟ
ปุ๋ยน้ำ ควาทมเข้มข้นสูง FK-3S สำหรับอ้อย มีธาตุ NPK ในสูตร 5-10-40 ซึ่งเป็นสูตรที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย ของปุ๋ยเพิ่มผลผลิตทั่วไป ที่มีตามท้องตลาด ซึ่งเป็นเหตุผลให้ ในวันที่ 1 – 7 ปุ๋ย FK ตามกราฟเส้นสีส้ม มีประสิทธิภาพสูงกว่าปุ๋ยเคมีทั่วไปในกราฟเส้นที่ม่วง จุดอ่อนของปุ๋ยเคมี (The weakness of chemical fertilizers)ถึงแม้ปุ๋ยเคมีจะปลดปล่อยธาตุอาหารได้อย่างรวดเร็วกว่าปุ๋ยอินทรีย์ แต่ในทางกลับกัน ธาตุอาหารจะหมดไปอย่างรวดเร็ว จากกราฟ จะสังเกตุได้ว่า ในวันที่ 14 ปุ๋ยเคมีได้ปลดปล่อยธาตุอาหารหมดไปแล้ว แต่ในส่วนของ ปุ๋ยอินทรีย์ ยังคงให้อาหารกับพืชที่ปลูกได้อย่างต่อเนื่อง ปุ๋ย FK ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหานี้ (FK Fertilizer is designed to solve this problem)ธาตุรอง และธาตุเสริม จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช และถูกดึงออกจากดินในทุกๆรอบการปลูกพืช ซึ่งปุ๋ยทั่วๆไป ไม่เคยเติมธาตุเหล่านี้ ซึ่งธาตุรองธาตุเสริมที่ขาด จะกลายเป็นข้อจำกัดการเจริญเติบโตของพืช เนื่องจาก “พืชจะเจริญเติบโตได้มากที่สุด เท่ากับธาตุอาหารที่มีต่ำที่สุด” ตามกฎ “Law of the minimum โปรดศึกษาต่อในวรรคท้ายสุด” ปุ๋ยตรา FK ประกอบด้วย ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช จึงทำให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เกิดอาการขาดธาตุ ซึ่งบางอย่าง เป็นธาตุที่ปุ๋ยอินทรีย์ไม่สามารถให้ได้
การใช้งาน
ผสมปุ๋ยบัวแก้ว 50 กรัม และ F1 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ผสมปุ๋ยบัวแก้ว 500 กรัม และ F1 500 กรัม ต่อน้ำ 200 ลิตร
ฉีดพ่นพืชที่ปลูก ทุกๆ 20-30 วัน
ข้อควรระวัง (สำคัญมาก)
ต้องฉีดพ่นในช่วงเวลาที่ไม่มีแดดจัด มิฉะนั้นอาจทำให้เกิดอาหารใบลวกได้ เช่นฉีดพ่นให้เสร็จสิ้น ก่อน 6 โมงเช้า หรือทำการฉีดพ่นหลัง 5 โมงเย็น หลังจากที่แดดร่มแล้ว หรือฉีดพ่นได้ทั้งวัน ในวันที่แน่ใจว่าแดดไม่แรง
Law of the Minimum (กฎต่ำสุด)
ไม่ว่าจะให้ปุ๋ยมากแค่ไหน พืชจะโตได้เท่ากับ ธาตุหลัก ธาตุรอง ที่ไม่เคยให้กับพืชและดิน ธาตุอาหารที่มีอยู่น้อยที่สุด จะจำกัดการโตของพืชเป็นข้อบกพร่องเล็กๆ ที่ทำให้ดูเหมือนว่า ใส่ปุ๋ยไปมากเท่าไร ก็ยังไม่ได้ผล
ปุ๋ยตรา FK จากฟาร์มเกษตร เราตระหนักถึงเรื่อง Law of the Minimum หรือ กฎต่ำสุด จึงออกแบบปุ๋ยตรา FK ใน 1 กล่อง ให้ประกอบด้วย สองถุง ด้านใน คือ ปุ๋ยธาตุหลักหนึ่งถุง และ F1 ธาตุรอง ธาตุเสริม อีกหนึ่งถุง ที่ผ่านการคำนวณสัดส่วนเพื่อผสมใช้ไปพร้อมกันได้อย่างลงตัว เพื่อนำพาพืชของท่าน ให้เจริญเติบโต ด้วยธาตุหลัก ธาตุรองที่ครบถ้วน และไม่เคยได้ถูกเติมเต็ม จากการใช้ปุ๋ยทั่วๆไปตามท้องตลาด ทำให้พืชได้รับธาตุอาหารต่างๆมากมาย และเติมเต็มส่วนที่ขาดได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ดังรูปด่านล่าง เช่น คุณให้ปุ๋ยทั่วๆไป ที่มีธาตุหลักเพียง 3 ตัว คือ N P K และธาตุรอง ธาตุเสริมอื่นๆ มีอยู่แล้วในดินของคุณ แล้วแต่สภาพดินบริเวณนั้น ว่าโชคดี มีธาตุรอง ธาตุเสริม และ OM อยู่มากแค่ไหน ในทุกๆปี ธาตุรองธาตุเสริมเหล่านี้ โดนลดลงไปทุกรอบของการเพาะปลูก เพราะคุณเติมเฉพาะ N P K ให้กับดิน อย่างมากก็เพิ่ม แคลเซียม และ ซิลิกอน อีกสองตัว จากสารปรับสภาพดินต่างๆ ที่มีขาย แต่ธาตุรองธาตุเสริมมีมากมาย จนแทบจะจำชื่อได้ไม่หมด พืชคุณจะถูกจำกัดคุณภาพ และการเจริญเติบโต ด้วยธาตุรอง ธาตุเสริม ที่มีอยู่น้อยที่สุด เสมือนถังน้ำที่มีความสูงของไม้ประกบ ที่มีความสูงไม่เท่าแผ่นอื่นๆ อยู่เพียงแผ่นเดียว พืชคุณเสมือนน้ำในถัง จะสามารถโตอยู่ในถังน้ำ (เปรียบถังน้ำว่าเป็นดิน) ได้มากที่สุดเท่ากับไม้ประกบแผ่นที่มีความสูงน้อยที่สุด เพียงเท่านั้น
นัก วิทยาศาสตร์ที่สามารถลบล้างทฤษฎีฮิวมัสได้สำเร็จคือ จุสตุส ฟอน ลีบิก (Justus von Liebig, ค.ศ. 1803-1873) ชาวเยอรมัน ลีบิกมีความคิดว่า ปัจจัยที่ควบคุมการเจริญเติบโตของพืชคืออาหารแร่ธาตุต่าง ๆ จึงได้ตั้งทฤษฎีขึ้นมาใหม่แทนทฤษฎีฮิวมัส คือ “ Law of the minimum” ซึ่งมีใจความว่า เมื่อพืชได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นเพียงพอแล้วทุกธาตุยกเว้นธาตุหนึ่งซึ่งยัง ขาดอยู่หรือยังมีไม่เพียงพอ ธาตุนั้นจะเป็นตัวจำกัดการเจริญเติบโตของพืช ทฤษฎีของลีบิกนี้ยังได้รับความเชื่อถือมาตราบจนทุกวันนี้และเป็นที่ยอมรับ กันทั่วโลก มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพียงเล็กน้อยเท่านั้นลีบิก มีแนวคิดว่า การแนะนำการใส่ปุ๋ยให้กับพืช (Fertilizer recommendation) สามารถทำได้โดยการวิเคราะห์หาธาตุที่เป็นส่วนประกอบของพืช แล้วใส่ธาตุเหล่านั้นลงไปในดิน เขาเป็นบุคคลแรกที่คิดทำปุ๋ยเคมีขึ้น แต่ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากปุ๋ยที่เขาผสมขึ้นในครั้งนั้นเป็นสารประกอบ ที่ไม่ละลายน้ำ ผลการทดลองที่สำคัญของ ลีบิกสามารถสรุปได้ดังนี้ 1) ยืนยันว่าคาร์บอนในพืชมาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ 2) ไฮโดรเจนและออกซิเจนในพืชมาจากน้ำ 3) พืชต้องการโลหะที่เป็นด่าง (alkaline metals) เพื่อสะเทิน (nutralize) กรดที่เกิดขึ้นจากกระบวนการเมตาโบลิซึมในพืช (metabolic activities) 4) ฟอสเฟตจำเป็นสำหรับการสร้างเมล็ดของพืช 5) พืชดูดแร่ธาตุต่าง ๆ ในดินโดยไม่เลือกชนิด แล้วเลือกใช้เฉพาะธาตุที่จำเป็นเท่านั้นส่วนที่ไม่จำเป็นจะถูกขับ (excretes) ออกมาทางราก 6) พืชได้รับไนโตรเจนในรูปของแอมโมเนียมไอออน (NH4+) ทั้งจากดิน ปุ๋ยอินทรีย์ และอากาศ 7) พืชจะปลดปล่อยกรดแอซีติก (acetic acid) ออกมาทางราก จะเห็นได้ว่าข้อสรุปของลีบิกนั้นไม่ถูกต้องไปเสียทั้งหมด เช่น ข้อสรุปที่ว่ารากพืชจะปลดปล่อยกรดแอซีติกออกมาและพืชได้รับไนโตรเจนในรูปของ แอมโมเนียมไอออนทั้งจากดิน ปุ๋ยอินทรีย์และอากาศ เป็นต้น
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์